เผย สาเหตุ ลุงพล ทำน้องชมพู่
แม้ว่าตำรวจจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ได้แล้ว แต่ก็ยังต้องสู้กันอีกหลายขั้นตอนเลยทีเดียว สำหรับสิ่งที่สังคมยังคงสงสัย สาเหตุ ทำไมต้องทำ น้องชมพู่ จากการรายงานความคืบหน้าทางข่าวสด เผยว่า “สำหรับประเด็นสาเหตุทีมสอบสวนให้ข้อมูลว่า สาเหตุการเสียชีวิตของน้องชมพู่เชื่อว่าผู้ต้องหามีอารมณ์โมโหร้าย โดยเฉพาะกับเด็กรำคาญเสียงเด็กร้อง ร้องไห้โวยวาย ที่ผ่านมา ได้ข้อมูลจากเด็กที่เคยใกล้ชิดกับผู้ต้องหา ให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหาชอบด่าทอ ทุบตี อยู่บ่อยครั้ง”
สำหรับกรณีของน้องชมพู่เชื่อว่าวันเกิดเหตุผู้ต้องหา มาพบน้องชมพู่ที่บ้าน แล้วชักชวนออกไปเที่ยวเล่น ระหว่างทางเมื่อไปถึงป่าห่างจากบ้าน 900 เมตรคาดว่าน้องชมพู่ร้องไห้ตกใจเนื่องจากเป็นเด็กที่กลัวป่า ทำให้ผู้ต้องหาโมโหอาจดุด่า ทำร้ายน้องชมพู่อย่างพลั้งเผลอ
ผลการตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช
พบร่องรอยที่ชี้ว่ามีการร้องไห้อย่างตกใจเป็นไปได้ที่จะถูกอุดปากคาดว่าลุงพลคงใช้มือปิดปากเด็กจนแน่นิ่งไป แล้วทำให้เกิดความตกใจ จึงนำร่างไปทิ้งไว้ภายในป่า สอดรับกับสุนัขดมกลิ่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบกลิ่นของน้องชมพู่ห่างจากบ้าน 900 เมตร
ทีมสอบสวนสืบสวนเชื่อว่าภายหลังผู้ต้องหาได้วนกลับมาตรงบริเวณที่ทิ้งร่างน้องไว้อีกครั้ง แต่กลับไม่พบ เนื่องจาก น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิต สอดรับกับการพิสูจน์ที่พบว่าน้องชมพู่ มีรอยช้ำที่ฝ่าเท้า น่าจะเกิดจากการเดินเท้าเป็นระยะทางไกล จนเป็นไปได้มากว่า เมื่อน้องชมพู่ฟื้นจากการสลบ แล้วพยามจะเดินหลบเข้าไปในป่า ด้วยสภาพที่ขาดน้ำ ขาดอาหาร จนอ่อนแรง สอดรับกับผลพิสูจน์ของนิติเวชที่ว่าเสียชีวิตเพราะขาดน้ำและอาหาร
ส่วนหนึ่งที่คดีนี้รวบรวมหลักฐานเป็นเวลานาน กว่าที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาได้เนื่องจากว่า ต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ชั้นสูง เพื่อตรวจสอบพิสูจน์หาหลักฐานชิ้นสำคัญ
ผลการเก็บหลักฐานภายในรถของลุงพล
ทำให้ได้หลักฐานชิ้นหนึ่งแต่ จะต้องนำเข้ากระบวนการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีพิเศษจนได้ผลยืนยันว่า เป็นชิ้นส่วนที่มาจากศพของน้องชมพู่ ดังนั้นเมื่อชิ้นส่วนนี้ตกอยู่ภายในรถของลุงพล ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อมโยงว่า ลุงพลต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับจุดที่พบศพน้องชมพู่ นั่นเอง
รายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนให้ข้อมูลอีกว่า ลุงพลให้การมีพิรุจตั้งแต่ช่วงเริ่มเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหนึ่งในประเด็นที่ มีการสอบปากคำผู้ต้องหา ว่าเหตุใดหลายคนสงสัยว่า ลุงพลให้ข้อมูลว่าน้องชมพู่หายไปก่อนคนอื่น ซึ่งคำให้การต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ รู้ข่าวน้องชมพู่หายไปโดยภรรยาเป็นคนโทรบอกมาบอก แต่หลังจากนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนได้ตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ต้องหาทำให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหาได้ขายโทรศัพท์มือถือ ของตัวเองไปก่อนหน้านั้น แล้วภรรยาจะโทรมาได้อย่างไร
ต่อมาผู้ต้องหาให้การว่า จำไม่ได้แล้วว่าให้การว่าอะไร กลายเป็นพิรุจสำคัญในคดี